เผยแพร่: 1 ส. ค.
อ่านเพิ่มเติม...
33 ได้รับเงินเลี้ยงดูบุตร 800 บาท/เดือน จนบุตรอายุ 6 ปี สวัสดิการการศึกษา: ค่าเล่าเรียน 1, 100-11, 900 บาท/คน/ปี (ม. ปลาย ได้รับเงินสนับสนุน 3, 800 บาท) สวัสดิการด้านสาธารณสุข: โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค สวัสดิการแรงงาน: เงินทดแทนการว่างงาน 30%-50% ของเงินเดือน (แต่มีเพดานฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15, 000 บาท) เป็นเวลา 90-180 วัน ครอบคลุมเฉพาะผู้ประกันตนม. 33 สวัสดิการวัยเกษียณ: เงินบำนาญ 20% ของเงินเดือน (แต่มีเพดานฐานเงินเดือนสูงสุดที่ 15, 000 สำหรับผู้ประกันตนม. 33 และ 4, 800 สำหรับผู้ประกันตนม. 39) หากถ้าจ่ายเงินสมทบเกิน 15 ปี บวกให้เพิ่มอีกปีละ 1.
19 ม. ค. 2565 1030 views ขนาดตัวอักษร 19 ม.
ปลาย ทำไมต้องย้ายประเทศ คนรุ่นใหม่มีชีวิตที่ย่ำแย่กว่าคนรุ่นก่อน คำถามก็คือแล้วสวัสดิการเท่านี้มอบเงื่อนไขในการดำรงชีวิตให้คนๆ หนึ่งมากแค่ไหน? ลองมาหาคำตอบด้วยการเปรียบเทียบกันว่าในแต่ละปี แต่ละคนประเทศต้องจ่ายภาษีกันมากแค่ไหน สวัสดิการที่ได้กลับมาแตกต่างกันมากแค่ไหนไปพร้อมๆ กัน คนไทยไม่ได้จ่ายภาษีกันน้อยๆ หลายคนอาจจะบอกว่า ถ้าอยากได้สวัสดิการที่ดีต้องจ่ายภาษีให้มาก ซึ่งนี่คือเรื่องจริงเพราะสวัสดิการก็คือการบริการของภาครัฐ และการให้บริการก็ต้องใช้งบประมาณ แต่ถ้าเราลองมากางดูอัตราภาษีเงินได้ จะพบว่าเราเสียภาษีกันไม่น้อยเลยเทียบกับต่างชาติ จากข้อมูลของ KPMG บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลกแจกแจงอัตราภาษีเงินได้ของประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ดังนี้ ฟินแลนด์ เสียภาษีเงินได้สูงสุด 56. 95% เดนมาร์ก เสียภาษีเงินได้สูงสุด 56. 5% ญี่ปุ่น เสียภาษีเงินได้สูงสุด 55. 97% ไทย เสียภาษีเงินได้สูงสุด 35% นิวซีแลนด์ เสียภาษีเงินได้สูงสุด 33% สิงคโปร์ เสียภาษีเงินได้สูงสุด 22% อัตราภาษีของไทยอยู่ในช่วงระหว่าง 0%-35% โดยผู้ที่ต้องเสียตั้งแต่ 5%-35% คือผู้ที่มีรายได้ 150, 000 บาท/ปี ไปจนถึงผู้ที่มีรายได้ 5, 000, 000 บาท/ปี ขึ้นไป จากการวิเคราะห์ของ ในปี 2019 สัดส่วนผู้เสียภาษีในไทยอยู่ที่ 16.
คุณประสิทธิ์ โฆวิไลกูล กรรมการอิสระ ประธานกรรมการบริหารความยั่งยืนและ ความเสี่ยง และประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)